29 กรกฎาคม 2567
อุตสาหกรรมค้าปลีกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นแรงผลักดันสำคัญ
คอง เษี่ยวเอี่ยน หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์ เอ็กซ์พรีเรียน ฟูจิตสึ เอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการค้าปลีกจำเป็นต้องตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างคล่องตัว รวดเร็ว และนวัตกรรมมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยสิ่งสำคัญ คือ การสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าในทุกช่องทางการขาย ซึ่งกว่า 69% ของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าหรือบริการจากแบรนด์ที่ส่งมอบประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ายอดขายของการค้าปลีกไทยปี 2567 จะเติบโตจากปีก่อนอยู่ที่ 3.0 % มีมูลค่าประมาณ 4.1 ล้านล้านบาท
เชื่อมโยงทุกช่องทางขายเป็นหนึ่งเดียว
ปัจจุบัน ผู้ประกอบการค้าปลีกต่างตั้งคำถามว่า “เราจะสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ราบรื่นได้อย่างไร” คำตอบ คือ 3 ปัจจัยหลักของธุรกิจค้าปลีกในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ดังนี้
Unified Omni Channel : การเชื่อมโยงทุกช่องทางขายเป็นหนึ่งเดียวด้วยการจัดการสินค้าคงคลังแบบบูรณาการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอไม่ว่าจะติดต่อมาจากช่องทางใดก็สามารถสื่อสารได้
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล : ฟูจิตสึได้เห็นว่าผู้ประกอบการค้าปลีกในประเทศไทยได้ปรับตัว โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เช่น เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น ทั้งการพัฒนา Digital platform omnichannel เช่น การเปิดร้านค้าออนไลน์ การพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือ การบริการสั่งสินค้าทางโทรศัพท์ เป็นต้น
Online to Offline (O2O) : การทำตลาดแบบ O2O เช่น Call & Shop และ Chat & Shop รวมไปถึงการขายสินค้าแบบ Live commerce ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดีย
ขับเคลื่อนความภักดีด้วย AI
การขับเคลื่อนความภักดีของลูกค้าด้วยข้อเสนอพิเศษเฉพาะบุคคลด้วย AI ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับความเข้าใจและมีคุณค่า ด้วยพลังของ AI และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ ผู้ประกอบการสามารถดูแลจัดการผลิตภัณฑ์และปรับแต่งคำแนะนำแบบเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าแต่ละรายได้โดยอิงจากความชอบส่วนตัว พฤติกรรมการค้นหา และประวัติการซื้อ
เทคโนโลยีในปัจจุบันช่วยให้ผู้ประกอบการค้าปลีกเสนอโปรโมชันแบบเรียลไทม์ที่ปรับให้เหมาะกับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ทั้งโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังช่วยให้ปรับราคาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมได้แบบเรียลไทม์ โดยคำนึงถึงเงื่อนไขทั้งภายในและภายนอก เช่น ความต้องการ การแข่งขัน ความอ่อนไหวด้านราคา และสภาพอากาศ กลยุทธ์การกำหนดราคาอัจฉริยะนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มกำไรสูงสุด แต่ยังยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และรักษาเสถียรภาพด้านอุปสงค์ได้อีกด้วย
เข้าถึงลูกค้าแบบเรียลไทม์
การใช้ AI เพื่อยกระดับประสบการณ์ภายในร้านค้า ผู้ประกอบการค้าปลีกสามารถใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์วิดีโอด้วย AI เพื่อเรียนรู้และวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เทคโนโลยีนี้สามารถบันทึกจำนวนลูกค้าในร้านได้อย่างแม่นยำทุกชั่วโมง เพื่อช่วยระบุชั่วโมงเร่งด่วนในการวางแผนการกำหนดจำนวนพนักงานที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา
ฟูจิตสึมองเห็นโอกาสของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยในการใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยี เช่น การใช้ AI เพื่อประมวลความต้องการและพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้า การจัดการสินค้าคงคลังแบบอัจฉริยะ การใช้ระบบอัตโนมัติ รวมถึงการใช้ Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่สมจริงที่สุด และการใช้ Cloud เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที การใช้ Data Science เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนในการเตรียมแผนงานอนาคต
นวัตกรรมดิจิทัลเหล่านี้ช่วยให้ผู้ประกอบการค้าปลีกสามารถมอบประสบการณ์ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับบริบทในทุกช่องทาง ทำให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับประสบการณ์การซื้อที่ราบรื่น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตให้กับธุรกิจค้าปลีกในระยะยาว
แหล่งที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1137823