พนักงานทุกคนในองค์กรล้วนแล้วต้องการที่อยากอยู่บริษัทที่มีสวัสดิการดี มีค่าตอบแทนสูง มีความมั่นคงกับชีวิต ซึ่งสวัสดิการของสถานประกอบการแต่ละที่จะมีความแตกต่างกันออกไป การจัดสวัสดิการที่ดีสามารถดึงดูดให้คนอยากเข้ามาทำงานในบริษัทนั้นมากขึ้นอย่างแน่นอน
จากจุดนี้จึงทำให้ฝ่ายบุคคลจำเป็นจะต้องสืบค้นถึงสวัสดิการของบริษัทคู่แข่งหรือตลาดแรงงานโดยรอบในประเภทกิจการเดียวกันว่ามีสวัสดิการอะไรที่น่าสนใจเพื่อนำมาปรับไม่ให้เกิดปรากฏการณ์สมองไหล (Brain Drain) พนักงานตำแหน่งสำคัญๆลาออกไปอยู่กับบริษัทคู่แข่งนั้นเอง
สวัสดิการในประเทศไทยจะแบ่งได้ 2 แบบ
- สวัสดิการตามกฎหมาย (Legal Welfare)
- สวัสดิการนอกเหนือกฎหมาย (Special Welfare)
สวัสดิการ คือ
สวัสดิการ (Welfare) หมายถึง บริการ หรือ กิจกรรมที่สถานประกอบการนายจ้างจัดให้กับพนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในองค์กร เพื่อขวัญกำลังใจ และ ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานดีขึ้นให้ได้รับความสะดวกสบายในการทำงาน เกิดความรู้สึกมีความมั่นคงในอาชีพนอกเหนือจากค่าจ้าง หรือ เงินเดือน
ใครเป็นผู้ดูแลสวัสดิการในสถานประกอบการ
การจัดสวัสดิการในสถานประกอบการจำเป็นต้องมีคณะกรรมการสวัสดิการ เมื่อมีลูกจ้างครบ 50 คน โดยคณะกรรมการสวัสดิการนั้น มาจากการเลือกตั้ง โดยการเลือกตั้ง ก็จะดำเนินการเหมือนการเลือกตั้งโดยทั่วไป จัดให้มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งได้กำหนดเอาไว้ใน ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบการ โดยสามารถดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้และเมื่อมีคณะกรรมการสวัสดิการถูกต้องตามที่กำหนดแล้ว จะต้องมีการประชุม ซึ่งในการประชุมจะมีการพูดคุยเรื่องของสวัสดิการที่นอกเหนือจากกฎหมายกำหนด เพื่อนำเสนอพิจารณาอนุมัติ ให้ผู้ปฏิบัติงานมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
สวัสดิการตามกฎหมายต้องมีอะไรบ้าง
การจัดสวัสดิการในสถานประกอบการ ตามกฎหมายที่นายจ้างต้องจัดให้กับผู้ปฏิบัติงานซึ่งสวัสดิการตามกฎหมาย ถูกกำหนดโดย กฎกระทรวง ว่าด้วยการจัดสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ พ.ศ.2548 ซึ่งในกฎกระทรวงฉบับนี้ จะพูดถึงสวัสดิการ ในเรื่องน้ำดื่ม ห้องน้ำ ห้องส้วม การปฐมพยาบาล และการรักษาพยาบาล ที่นายจ้างต้องจัดให้กับลูกจ้าง โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ในสถานที่ทำงานของลูกจ้าง ต้องจัดให้มี
- น้ำสะอาดสำหรับดื่ม 1 ที่ ต่อพนักงาน 40 คน เศษของ 40 คน ถ้าเกิน 20 คนให้ถือว่าเป็น 40 คน
- ห้องน้ำและห้องส้วม โดยจะต้องแยกชายและหญิง และถ้ามีลูกจ้างที่เป็นคนพิการ ต้องจัดให้มีห้องน้ำสำหรับ
คนพิการโดยเฉพาะด้วย ซึ่งจำนวนห้องน้ำและห้องส้วม ถูกกำหนดโดย พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ซึ่งจำนวนห้องน้ำและห้องส้วม จะถูกแบ่งตามชนิดหรือประเภทของอาคาร แต่ในที่นี้เราจะพูดถึงโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน กำหนดจำนวนไว้ดังตารางต่อไปนี้
2. ต้องจัดให้มีสิ่งจำเป็นในการปฐมพยาบาลและรักษาพยาบาล
- สถานที่ทำงานที่มีลูกจ้างทำงานตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ต้องจัดให้มีเวชภัณฑ์และยาเพื่อใช้ในการปฐมพยาบาลในจำนวนที่เพียงพอ อย่างน้อย 29 รายการ โดยสามารถดูรายละเอียดได้ในกฎกระทรวงดังกล่าว
- สถานที่ทำงานที่มีลูกจ้างทำงานในขณะเดียวกันตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป ต้องจัดให้มี
- เวชภัณฑ์และยาเพื่อใช้ในการปฐมพยาบาล อย่างน้อย 29 รายการ
- ห้องรักษาพยาบาลพร้อมเตียงพักคนไข้อย่างน้อย 1 เตียง เวชภัณฑ์และยานอกจากที่ระบุไว้ ตามความจำเป็นและเพียงพอแก่การรักษาพยาบาลเบื้องต้น
- พยาบาลตั้งแต่ระดับเทคนิคขึ้นไป ประจำอย่างน้อย 1 คน ตลอดเวลาทำงาน
- แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งอย่างน้อย 1 คน เพื่อตรวจรักษาพยาบาลไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และเมื่อรวมเวลาแล้วต้องไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 6 ชั่วโมงในเวลาทำงาน
- สถานที่ทำงานที่มีลูกจ้างทำงานในขณะเดียวกันตั้งแต่ 1,000 คนขึ้นไป ต้องจัดให้มี
- เวชภัณฑ์และยาเพื่อใช้ในการปฐมพยาบาล อย่างน้อย 29 รายการ
- ห้องรักษาพยาบาลพร้อมเตียงพักคนไข้อย่างน้อย 2 เตียง เวชภัณฑ์และยานอกจากที่ระบุไว้ ตามความจำเป็นและเพียงพอแก่การรักษาพยาบาลเบื้องต้น
- พยาบาลตั้งแต่ระดับเทคนิคขึ้นไป ประจำอย่างน้อย 2 คน ตลอดเวลาทำงาน
- แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งอย่างน้อย 1 คน เพื่อตรวจรักษาพยาบาลไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และเมื่อรวมเวลาแล้วต้องไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 12 ชั่วโมงในเวลาทำงาน
- ยานพาหนะพร้อมที่จะนำลูกจ้างส่งสถานพยาบาลได้โดยเร็ว
3. นายจ้างอาจทำข้อตกลงกับสถานพยาบาลเพื่อส่งลูกจ้างเข้ารับการรักษาพยาบาลกับสถานพยาบาลที่เปิด
บริการตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถนำลูกจ้างส่งได้โดยเร็ว แทนการมีแพทย์ก็ได้ ซึ่งคำขออนุญาตใช้สถานพยาบาลแทนการจัดให้มีแพทย์ เราเรียกว่า แบบ กสว.1 และใบอนุญาตให้ใช้สถานพยาบาลแทนการจัดให้มีแพทย์ เราเรียกว่า แบบ กสว.2
สวัสดิการพนักงานนอกเหนือกฎหมาย
สวัสดิการพนักงานเป็นคำที่ครอบคลุมผลประโยชน์และบริการมากมายที่นายจ้างอาจเสนอให้กับพนักงานในองค์กร อาจรวมไปถึงบุคคลในครอบครัวของพนักงานได้เช่นกันเพื่อเป็นแรงจุงใจในทุกมิติให้กับบุคลากรของบริษัทได้มีขวัญและกำลังใจ เพิ่มประสิทธิผล และ มีความสุขในการทำงานมากขึ้น
ตัวอย่างการจัดสวัสดิการนอกเหนือ เช่น
- โบนัส
- เบี้ยขยั้น
- ค่าครองชีพ
- เงินค่าเดินทาง
- การประกันสุขภาพ หรือ ประกันชีวิต
- ประกันทันตกรรม
- วันหยุดอื่นๆที่ได้รับค่าจ้าง
- ห้องออกกำลังกาย
- ค่าอาหาร
ประโยชน์ของการจัดสวัสดิการที่ดีในองค์กร
- ช่วยลดปริมาณการลาออกของพนักงาน (Employees Turnover)
- ภาพลักษณ์ของบริษัทที่ดีขึ้นทั้งภายใน และ จากภายนอกที่มองเข้ามาทำให้บริษัทดูมีความน่าเชื่อถือ
- เพิ่มแรงจุงใจในการทำงานของพนักงาน
- พนัหงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น
- ดึงดูดพนักงานเก่งๆจากบริษัทคู่แข่งได้
สรุป
สวัสดิการเป็นสิ่งที่สถานประกอบการมอบให้กับผู้ปฏิบัติงานนอกเหนือจากเงินเดือนเพื่อให้พนักงานในองค์กรทุกคนมีความสะดวกสบาย และ มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สวัสดิการมีทั้งตามกฎหมายและดีกว่าที่กฎหมายกำหนด ผู้ที่ดำเนินการเกี่ยวกับสวัสดิการในสถานประกอบการ คือ คณะกรรมการสวัสดิการที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อมีลูกจ้างครบ 50 คน และต้องมีการประชุม เพื่อนำสวัสดิการที่มีอยู่ มาทบทวน ติดตาม ว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่หากพบว่าควรมีการพัฒนาเพิ่มเติม ก็จะดำเนินการนำเสนอผู้บริหารเพื่อพิจารณาต่อไป
บทความที่น่าสนใจ :
- ขั้นตอนการขึ้นทะเบียน เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน
- ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับระบบไฟอลาม
- รู้จักกับดับเพลิง FM-200 (HFC-227ea)
- ทำความเข้าใจกับชุดผจญเพลิงอย่างละเอียด
- Drag Rescue Device (DRD) อุปกรณ์ช่วยเหลือนักดับเพลิง
- ทุกอย่างที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับถุงมือดับเพลิง