บางสถานประกอบการถูกกำหนดโดยกฎกระทรวง 2565 ต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน หรือที่เราเรียกติดปากว่า คปอ. เมื่อองค์กรมีมีลูกจ้างทั้งหมดเริ่มต้น 50 คนขึ้นไป ต้องมี คปอ. ในองค์กรตามจำนวนที่กำหนด ซึ่งต้องผ่านการอบรม คปอ. และขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องก่อน
ก่อนเข้าอบรม คปอ. ต้องเช็คอะไรบ้าง
ก่อนจะส่งพนักงานเข้าอบรม คปอ. มีสิ่งที่นายจ้างต้องคำนึงถึงเพื่อไม่ให้เสียเวลา หรือเสียเงินค่าอบรมฟรีๆ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. เช็คสถานประกอบการของคุณต้องมี คปอ. ไหม
จากกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. 2565 ได้แบ่งประเภทองค์กรที่ต้องมี คปอ. ไว้เป็น บัญชีที่ 1 2 และ 3 ตามความเสี่ยงของธุรกิจแต่ละองค์กรซึ่งแต่ละบัญชีประกอบด้วยธุรกิจต่อไปนี้
บัญชี 1
- อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการทำเหมืองตามกฎหมายว่าด้วยแร่
- อุตสาหกรรมเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม
- อุตสาหกรรมเกี่ยวกับปิโตรเคมี
- อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
- อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการแยกก๊าซธรรมชาติ
บัญชี 2
- อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร
- อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากยาสูบ
- อุตสาหกรรมสิ่งทอ
- อุตสาหกรรมเสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกาย
- อุตสาหกรรมเครื่องหนัง
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากไม้
- อุตสาหกรรมกระดาษหรือผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากกระดาษ
- อุตสาหกรรมการผลิตสารเคมีหรือเคมีภัณฑ์
- อุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์หรือเวชภัณฑ์ทางการแพทย์
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก
- อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ
- อุตสาหกรรมโลหะหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะ
- อุตสาหกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า
- อุตสาหกรรมเครื่องจักรหรือเครื่องมือกล
- อุตสาหกรรมยานพาหนะ ชิ้นส่วนยานพาหนะ หรืออุปกรณ์เสริมสำหรับยานพาหนะ
- อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์
- อุตสาหกรรมเครื่องประดับ
- อุตสาหกรรมเครื่องดนตรี
- อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬาออกกำลังกาย
- อุตสาหกรรมของเล่น
- อุตสาหกรรมเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์
- อุตสาหกรรมการผลิต การจัดส่ง หรือการจ่ายไฟฟ้า
- อุตสาหกรรมการผลิตหรือการบรรจุก๊าซ
- อุตสาหกรรมการผลิตถ่านโค้ก
- อุตสาหกรรมการผลิต การเก็บ หรือการจำหน่ายไอน้ำ
- อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์หรือการเพาะปลูก
- สถานีบริการตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง
- คลังน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง
- การให้บริการบำบัดน้ำเสียหรือกำจัดของเสียตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
- อุตสาหกรรมการนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่
- อุตสาหกรรมการแต่งแร่ การขุดแร่รายย่อย หรือการร่อนแร่ตามกฎหมายว่าด้วยแร่
- การก่อสร้าง การดัดแปลง การซ่อมแซม หรือการรื้อถอนอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
- อุตสาหกรรมการขนส่ง
- การบริการการเดินอากาศตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ
- กิจการคลังสินค้า กิจการไซโล หรือกิจการห้องเย็นตามกฎหมายว่าด้วยคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น
- กิจการโทรคมนาคมตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
- การติดตั้ง การซ่อม หรือการซ่อมบำรุงเครื่องจักร
- โรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
- กิจการนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
- ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจค้าปลีก หรือธุรกิจค้าส่ง
- ศูนย์การจัดประชุมและการแสดงสินค้า
- โรงพยาบาล
- การทดสอบและวิเคราะห์การปฏิบัติการทางกายภาพ เคมี ชีวภาพ หรือวิศวกรรม
- การขายและการบำรุงรักษายานยนต์หรือการซ่อมยานยนต์
- สวนสัตว์หรือสวนสนุก
บัญชี 3
- ธุรกิจสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน
- ธุรกิจหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- สหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์
- การประกันชีวิตตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิตหรือการประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย
- โรงรับจำนำตามกฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ
- โรงถ่ายทำภาพยนต์หรือละคร
- สวนพฤกษศาสตร์
- สนามกีฬาหรือการนันทนาการ
- สถานที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่าย โดยจัดให้มีการแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง
- สำนักงานบริหารของสถานประกอบกิจการตามบัญชี 1 และบัญชี 2
2. มีจำนวนลูกจ้างมากพอที่ต้องมี คปอ. ไหม
เมื่อคุณทำการเช็คแล้วว่าธุรกิจของคุณอยู่ใน บัญชีใดบัญชีหนึ่งที่กล่าวมาในข้อที่ 1 ต่อไปเราก็จะไปดูว่าจำนวนลูกจ้างทั้งหมดในบริษัทของคุณมีจำนวนตามเงื่อนไขกฎหมายที่ต้องมี คปอ. ไหม และหากต้องมีแล้วตั้งแต่งตั้ง คปอ. กี่คน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- จำนวนพนักงานในองค์กร 50-99 คน ต้องมีจำนวน คปอ. ไม่น้อยกว่า 5 คน
- จำนวนพนักงานในองค์กร 100-499 คน ต้องมีจำนวน คปอ. ไม่น้อยกว่า 7 คน
- จำนวนพนักงานในองค์กรตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป ต้องมีจำนวน คปอ. ไม่น้อยกว่า 11 คน
3. คปอ. ในองค์เลือกเลือกยังไง มาจากไหนบ้าง
ในการจะเลือกใครมารับตำแหน่ง คปอ. จะมีอยู่ 2 วิธี
- เลือกจากนายจ้างโดยจะได้รับตำแหน่งในคณะ คือ ประธานกรรมการ กรรมการความปลอดภัย (พนักงานที่อยู่ในระดับหัวหน้างาน) และ เลขานุการ (ปกติจะเป็น จป.เทคนิคขั้นสูง หรือจป.วิชาชีพ แต่หากองค์กรไม่มี สามารถใช้ผุ้แทนที่นายจ้างเป้นคนเลือกได้)
- เลือกจากลูกจ้างโดยจะได้รับตำแหน่งในคณะ คือ กรรมการความปลอดภัย
4. เลือกสถานประกอบการที่ได้รับอนุญาตจัดอบรม
ในการจัดอบรมได้นั้นไม่ใช่ใครก็จัดได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตในการจัดอบรม ที่แสดงถึงเนื้อหาหลักสูตรที่สอนตรงกับที่กฎหมายกำหนด วิทยากรฝึกสอนมีคุณสมบัติเพียงพอ และเมื่อผู้เข้าอบรมผ่านอบรมจากศูนย์ฝึกนี้สามารถใช้ยื่นขึ้นทะเบียนต่อกรมสวัสดิการฯได้จริง ซึ่งนายจ้างสามารถเช็คศูนย์อบรม.คปอ. ตามกฎหมาย ได้ง่ายๆ ที่หน้าเว็บกรมสวัสดิการฯ
ขั้นตอนการเช็คศูนย์อบรม คปอ.
- กดเข้าเว็บไซต์ –> ตรวจเช็คศูนย์ฝึกอบรมที่ได้รับอนุญาต
- เลือกหัวข้อแรก ที่ชื่อว่า รายชื่อนิติบุคคลที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน รับรองการเป็นผู้ให้บริการฝึกอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
- กด f3 ค้นหาตามชื่อศูนย์ฝึกที่สนใจ หากรู้เลขใบรับรองของศูนย์ฝึกนั้นๆ ก็สามารถใช้คนหาได้ เช่น ในส่วนนี้สามารถเช็คได้ทั้ง หลักสูตร จป.หัวหน้างาน จป.บริหาร จป.เทคนิค จป.เทคนิคขั้นสูง และ คปอ.
5. เลือกรูปแบบการจัดอบรมให้คุ้มค่า
ส่วนใหญ่ศูนย์อบรมจะมีให้คุณเลือก อบรมอยู่ 2 รูปแบบคือ อินเฮ้าส์ และบุคคลทั่วไป
- แบบอินเฮ้าส์ คือ ผู้จัดอบรมเดินทางมาสอนคุณถึงสถานที่ของคุณ จะเป็นการจ่ายแบบเหมาคอร์ส จำนวนคนไม่เกิน 60 คน เหมาะกับองค์กรที่ต้องการอบรมคนพร้อมกันเป็นจำนวนมาก และมีสถานที่ในการจัดอบรม
- แบบบุคคลทั่วไป คือ ต้องส่งพนักงานเข้าอบรมตามสถานที่ที่ศูนย์ฝึกจัดเตรียมไว้ให้ โดยต้องมีการลงทะเบียนจองวันอบรม เหมาะกับองค์กรที่ต้องการอบรมคนน้อย ไม่จำเป้นต้องจ่ายเป็นเหมาคอร์ส แต่ต้องรีบจองเพราะเต็มเร็ว
6. ใบอนุญาตทำงาน คปอ. มีวันหมดอายุ
ใบเซอร์ คปอ. มีอายุการใช้งานเพียง 2 ปีเท่านั้น เท่ากับวาะระของ คปอ. ในรุ่นนั้นๆ ที่ทำงานเพียง 2 ปี และต้องมีรุ่นใหม่เข้ามาทำงานแทน ทางบริษัทต้องเตรียมความพร้อมก่อนใบอนุญาตของรุ่นเก่าจะหมดอายุโดนเตรียมอบรมรุ่นต่อไปภายใน 30 วันก่อนหมดอายุ
7. เข้าอบรมได้ต่อเมื่อองค์กรเป็นคนส่งเข้าอบรมเท่านั้น
เนื่องจากในตำแหน่ง คปอ. เป็นงานที่เฉพาะองค์กรนั้นๆ หากคุณลาออกจากองค์กรเก่าแล้วก้ไม่สามารถใช้ใบอนุญาตองค์กรเก่าไปทำงานในองค์กรใหม่ได้ ต้องอบรมใหม่เท่านั้น เพื่อหลีกเหลี่ยงปัญหาที่ไม่ทราบในจุดนี้ ที่ทำให้ผู้เข้าอบรมอาจเสียประโยชน์เปล่า ทำให้ก่อนจะเข้าอบรมต้องมีเอกสารยินยอมจากองค์กรให้เข้าฝึก
สรุป
จาก 7 ข้อเบื้องต้น เป็นรายละเอียดตามกฎหมายที่คุณไม่ควรพลาดก่อนจะเลือกที่ฝึกอบรม คปอ. ทั้งนี้ยังมีระละเอียดอื่นๆ เช่น ค่าอบรม สถานที่อบรมที่สะดวกเดินทาง และอื่นๆ ที่ยังเป้นปัจจัยต่อการตัดสินใจอบรม ทั้งนี้เราขอแนะนำศูนย์ฝึกที่มีความพร้อมจัดอบรมตามกฎหมายอย่าง บริษัท เซฟตี้เมมเบอร์ จำกัด หรือที่เว็บไซต์ อบรมคปอ.com คุณสามารถคลิกเข้าไปดูที่ลิ้งเพื่อเลือกหลักสูตรที่คุณต้องการได้
บทความที่น่าสนใจ :
- ขั้นตอนการขึ้นทะเบียน เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน
- การจัดสวัสดิการให้พนักงานในองค์กรตามกฎหมายที่ถูกต้องมีอะไรบ้าง
- คปอ มีวาระงานกี่ปี และมีหน้าที่อะไรบ้างในสถานประกอบการ