เคล็ดลับการเพิ่มความอร่อยให้กับ ‘อเมริกาโน่’ ของคุณด้วยไอเดียใหม่ๆ !

3  กรกฎาคม 2567

ต้องยอมรับว่า ‘อเมริกาโน่‘ (Americano) เป็นหนึ่งในเมนูกาแฟที่มีพัฒนาการอย่างน่าสนใจมากในวิถีวัฒนธรรมอาหารและเครื่องดื่มของโลก รู้จักกันดีในฐานะเครื่องดื่มกาแฟที่มีรสกล่อมกลม ให้กลิ่นหอมละมุนของกาแฟคั่ว ถือเป็นเมนูหลักประจำร้านกาแฟยุคบุกเบิก ร่วมสมัยและควบคู่ไปกับเอสเพรสโซ่ คาปูชิโน่ ลาเต้ และมอคค่า

กำเนิดอเมริกาโน่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

อเมริกาโน่เป็นคำที่คนอิตาเลี่ยนเรียกชาวอเมริกัน ชื่อนี้ถูกนำมาใช้ในความหมายของเมนูกาแฟตัวหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อทหารอเมริกันรุกคืบเข้าสู่อิตาลีราวปีค.ศ.1940 บาร์กาแฟในอิตาลีนิยมเสิร์ฟเอสเพรสโซ่เป็นกาแฟตัวหลัก แต่ทหารจีไอสั่งมาดื่มแล้วรู้สึกว่ารสชาติขมและเข้มเกินไป เนื่องจากปกติดื่มกาแฟต้มกาที่เจือจางกว่า เลยขอให้คนชงเติมน้ำลงไปเพื่อลดรสขม ทำให้ดื่มง่ายขึ้น นับจากบัดนั้น เลยเกิดเมนูใหม่ขึ้นในอิตาลี เรียกว่า ‘Caffè Americano’ หรือกาแฟอเมริกัน

การปรับตัวเป็นเมนูเย็น

อีก 70-80 ปีต่อมา เกิดมีคนเอาน้ำแข็งก้อนไปใส่ กลายเป็นเมนูใหม่เรียกว่า ‘อเมริกาโน่เย็น‘ (Iced Americano) ที่แรกๆ ก็มีทั้งคนรับได้และรับไม่ได้ต่อการเปลี่ยนแปลงที่ต่างไปจากสูตรดั้งเดิม จนโด่งดังเป็นบิ๊กดราม่าระดับประเทศในหลายๆ ชาติ รวมถึงประเทศไทย แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ดราม่าจากสูตรร้อนมาเป็นสูตรเย็น กระทั่งดราม่าเติม/ไม่เติมน้ำตาลหรือนม ล้วนจบไปแล้ว แม้จะมีคนไม่ยอมรับอยู่บ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอเมริกาโน่เย็นนั้นได้รับความนิยมสูงมาก ไม่เฉพาะในเอเชียแต่ทั่วโลก รวมไปถึงร้านกาแฟพิเศษในสหรัฐอเมริกา

สูตรใหม่ๆ ของอเมริกาโน่เย็น

ทุกวันนี้ อเมริกาโน่เย็นมีสูตรใหม่ๆ เกิดขึ้นหลากหลาย เช่น ‘อเมริกาโน่น้ำส้ม‘ (Orange Americano) หรือน้ำผลไม้อื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา 2-3 ปีให้หลัง สูตร ‘อเมริกาโน่วิปครีม‘ (Whipping Cream Ice Americano) เริ่มมาแรง โดยใช้อเมริกาโน่เย็นตามด้วยวิปครีมหยอดด้านบน ส่วนวิปครีมก็มีหลายสูตรตามแต่จะออกแบบรสชาติให้เป็นแบบไหน

ถ้าเอ่ยถึงกาแฟบวกวิปครีม หลายคนคงนึกถึง ‘กาแฟเวียนนา‘ ออสเตรียต้นตำรับใช้เอสเพรสโซ่เป็นฐาน ตามด้วยวิปครีม ซึ่งกาแฟตัวนี้เป็นเมนูร้อน แต่ในระยะหลังก็เห็นนำอเมริกาโน่มาใช้แทนเอสเพรสโซ่กันบ้างแล้วในบางร้าน

อีกเมนูที่เพิ่งฮิตในอเมริกาแต่บ้านเรามีกันหลายปีแล้ว คือ ‘สปาร์กลิง เลม่อน อเมริกาโน่‘ (Sparkling Lemon Americano) สูตรนี้เพิ่มน้ำโซดาเข้าไปด้วย กลิ่นผลไม้ก็เปลี่ยนได้ตามใจชอบ เช่น ส้ม, มินท์ หรือลาเวนเดอร์

วิวัฒนาการของเมนูอเมริกาโน่

อเมริกาโน่เริ่มต้นจากเป็นกาแฟสูตรร้อน โดยการนำเมล็ดกาแฟคั่วเข้มมาสกัดเป็นเอสเพรสโซ่ 1 ช็อต แล้วเจือจางด้วยน้ำร้อน ทำให้ความเข้มข้นน้อยลง เหมาะกับคอกาแฟที่ไม่ชอบรสเข้มข้น มีฟองเครม่าบางๆ ลอยตัวเหนือแก้ว น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงช่วยลดเปรี้ยวของกาแฟ ปรับสมดุลความเข้มข้น ทำให้ดื่มง่ายขึ้น

แม้พื้นฐานจะเป็นเอสเพรสโซ่เติมน้ำร้อน แต่อเมริกาโน่ก็ถูกเพิ่มเติมด้วยตัวปรุงแต่งรสชาติมาเนิ่นนานแล้ว ตามรสนิยมของผู้ดื่ม เช่น น้ำตาลทราย นม ครีม น้ำเชื่อมไซรัป น้ำผึ้ง ช็อกโกแลต เครื่องเทศ เปลือกผลไม้ น้ำผลไม้ ถือเป็นเรื่องปกติของวัฒนธรรมอาหารและเครื่องดื่มที่ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพของแต่ละท้องถิ่น

ความนิยมของอเมริกาโน่เย็น

ในระยะ 4-5 ปีหลังมานี้ อเมริกาโน่ที่เสิร์ฟตามร้านกาแฟเอเชีย–แปซิฟิก ถูกปรับจากเมนูร้อนเป็นเมนูเย็น ตามรสนิยมของผู้บริโภคที่ชอบดื่มกาแฟเย็นมากกว่า อเมริกาโน่เย็นได้รับความนิยมสูงในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน อินเดีย และชาติสมาชิกอาเซียน โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ ถูกสถาปนาให้เป็นเครื่องดื่มประจำชาติอย่างไม่เป็นทางการ ในประเทศไทยก็จัดเป็นหนึ่งในเมนูขวัญใจมหาชน

การปรับตัวตามเทรนด์

อเมริกาโน่เย็นตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบกาแฟเย็นและกาแฟดำ ชงเร็ว ดื่มง่าย ไม่นม และไม่แพง สภาพอากาศร้อนในประเทศไทยก็ทำให้กาแฟเย็นได้รับความนิยม เมล็ดกาแฟคั่วมีหลายระดับให้เลือก เช่น คั่วอ่อนและคั่วกลาง ทำให้รสชาติหวานจากกาแฟธรรมชาติไม่ต้องเติมน้ำตาลทรายหรือไซรัปน้ำเชื่อม

บาร์ค็อกเทลและกาแฟอเมริกาโน่

บาร์ค็อกเทลในรัฐแคลิฟอร์เนีย ‘เจแอนด์โทนี่ส์ ดิสเคาท์ เคียวร์ มีทส์ แอนด์ เนโกรนี แวร์เฮ้าส์‘ จับเอากาแฟอเมริกาโน่เติมลงไปในสูตรค็อกเทลของอิตาลีนามว่า ‘อเมริกาโน่ ค็อกเทล‘ (Americano Cocktail) ซึ่งมีส่วนผสมของคัมพารี เวอร์มุตสีแดงหวาน และคลับโซดา เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งก้อนตกแต่งด้วยส้มฝาน แล้วตั้งชื่อเสียใหม่ว่า ‘โคลด์ บรูว์ อเมริกาโน่‘ (Kold Brew Americano) โดยใช้ตัว K แทนตัว C ในคำว่า cold

แหล่งที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/food/1138375