Home » บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ วิเคราะห์แนวโน้มตลาด ชี้ผลประกอบการเป็นปัจจัยสำคัญ

บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ วิเคราะห์แนวโน้มตลาด ชี้ผลประกอบการเป็นปัจจัยสำคัญ

by Andrew Day
23 views

8 สิงหาคม 2567

หลังจากการประมูลพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯ มูลค่า 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ พบว่ามีอัตราการประมูล (bid-to-cover) อยู่ที่ 2.32 เท่า ซึ่งเป็นค่าต่ำสุดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 ค่าเฉลี่ยตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 อยู่ที่ 2.43 เท่า โดยมีค่าสูงสุดที่ 2.50 เท่า ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ส่งผลให้เป็นเช่นนี้ คือ

  1. ผลตอบแทนพันธบัตรลดลงมาเร็วเกินไป และสะท้อนการปรับลดดอกเบี้ยในระดับประมาณ 5 ครั้งแล้ว
  2. ตลาดอาจกังวลว่าการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะทำให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น กระตุ้นการ Unwind Yen Carry Trade ทำให้สหรัฐฯ อาจลดดอกเบี้ยได้ไม่เร็วดังคาด

ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงไปสูงสุดถึง 147.9 เยน/ดอลลาร์สหรัฐฯ อาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้การฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นอาจเริ่มชะลอ เพื่อรอดูพัฒนาการของสถานการณ์ โดยเฉพาะการประชุมประจำปีของเฟดในวันที่ 22-24 สิงหาคม ในระยะสั้นคาดว่าตลาดจะกลับไปมองยังการรายงานผลประกอบการของหุ้นรายตัว รวมถึงติดตามรายงานการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันนี้ ซึ่งเนื้อหาการหารืออาจทำให้ตลาดกังวล

การยุบพรรคก้าวไกลและผลกระทบต่อตลาด

ส่วนการยุบพรรคก้าวไกลมีผลต่อตลาดจำกัด โดยคดีสำคัญ คือ การพิจารณาคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินให้ยุบพรรคก้าวไกล ส่งผลให้พรรคถูกยุบและสมาชิกคณะกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี เรามองว่าจิตวิทยาการลงทุนได้รับผลกระทบเชิงลบแต่ผลกระทบต่อตลาดหุ้นนั้นมีจำกัด เนื่องจากไม่กระทบต่อการดำเนินนโยบายของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม คดีสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดมากกว่า คือ การพิจารณาคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีในวันที่ 14 สิงหาคม หากศาลตัดสินให้คุณเศรษฐาพ้นตำแหน่ง อาจทำให้เกิดความกังวลต่อความล่าช้าของการผลักดันโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและแนวนโยบาย อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่พรรคแกนนำยังคงเป็นเพื่อไทย เรามองว่านโยบายต่างๆ จะยังคงถูกผลักดันแม้ในกรณีเกิดความเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

2.บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ วิเคราะห์แนวโน้มตลาด ชี้ผลประกอบการเป็นปัจจัยสำคัญ

ภาพรวมกลยุทธ์

การฟื้นตัวอาจเริ่มชะลอ ติดตามรายงานการประชุม BOJ ที่อาจกำหนดทิศทางของตลาดจากประเด็น Yen Carry Trade ทั้งนี้มีโอกาสที่เงินจะเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่นพันธบัตร และสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง เช่น ไฟฟ้า และรีทส์ ซึ่งจะแข็งแกร่งกว่าตลาด ในขณะที่ใช้จังหวะผันผวนสะสมหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไรขาขึ้น เช่น สื่อสาร อาหาร และค้าปลีก

  • แนวรับ : 1,270-1,282 จุด
  • แนวต้าน : 1,305 จุด

สัดส่วนลงทุน : เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ (หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

  • CPNREIT* (13) : กลุ่มโรงไฟฟ้าและรีทส์มีแนวโน้มเป็นกลุ่มพักเงินในช่วงที่เงินย้ายจากกลุ่มเทคโนโลยีไปยังกลุ่มอื่นๆ ตัดขาดทุนที่ 10.50 บาท
  • RATCH* (36) : ผลประกอบการไตรมาส 2-3/67 แข็งแกร่ง จากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าหินกองและไพธอน ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปีนี้ 8 เท่า และปันผล 6% ตัดขาดทุนที่ 27 บาท
  • 3BBIF* (6.50) : กลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง ขณะเดียวกันการปรับโครงสร้างในกลุ่มของ GULF-INTUCH เป็นปัจจัยบวกระยะยาวต่อการมีสินทรัพย์ที่จะขายเข้ากองเพิ่มเติม ตัดขาดทุนที่ 5.35 บาท
  • GUNKUL* (2.40) : ผลประกอบการไตรมาส 2/67 เติบโต QoQ, YoY และเข้าสู่ high season ในไตรมาส 3 ขณะเดียวกันผลตอบแทนปันผลระหว่างกาลสูงถึง 4% ตัดขาดทุนที่ 1.955 บาท

ประเด็นที่น่าสนใจ

  • ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิ์กรรมการบริหาร 10 ปี
  • ฮุนไดเข้าลงทุนในไทย 1 พันล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV
  • EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด
  • ADVANC กำไรสุทธิ Q2/67 โต 19% หลังรับรู้ EBITDA ของ TTTBB ยอดผู้ใช้ 5G โตแกร่ง
  • BSRC กำไรครึ่งปีแรก 1,077 ล้านบาท สร้างสถิติการกลั่นสูงสุดยอดขายโตต่อเนื่อง
  • ICHI ไตรมาส 2/67 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 378.87 ล้านบาท
  • ITC แนะนำซื้อเป้า 27 บาท/ STEC แนะนำถือเป้า 9.20 บาท/ MEB แนะนำซื้อเป้า 42 บาท
  • ผลประกอบการไตรมาส 2/64 ออกมาดี MEB, GUNKUL, SAV, TNP, TNR, TPCH, TU

แหล่งที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/finance/analysis/1139354

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับเรา

Orderbride เป็นเว็บไซต์บทความความปลอดภัยในการทำงาน ที่ช่วยเติมเต็มความรู้ด้านความปลอดภัยของคุณในทุกวัน

@2024 – All Right Reserved. Designed and Developed by Orderbride